วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิเคราะห์สื่อโฆษณา

Stop smoking now

1. ชื่อเรื่อง (Title)
- เคี้ยวหมากฝรั่ง Nicominld-2 สูบบุหรี่จะกลายเป็นเรื่องยาก
2. ข้อมูลเบื้องต้น (Background) / S W O T Advertising Agency: McCann Worldgroup, Bangkok, Thailand
Creative Director / Art Director: Supachai Toemtechatpong
Copywriter: Surakai Ngernmaneerongroj
Photographer: Sun House
Published: May 2010 การที่เราจะเลิกสูบบุหรี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่หากคุณเคี้ยวหมากฝรั่ง Nicominld-2 การสูบบุหรี่จะกลายเป็นเรื่องยากทันที
  • จุดแข็ง : ผู้ผลิตมีการวิจัยมาแล้วว่าสามารถทำให้ผู้ใช้เลิกบุหรี่ได้จริง ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่ง่ายต่อการเลิกบุหรี่
  • จุดอ่อน : เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งออกมา อาจทำให้ผูบริโภคขาดความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพ
  • โอกาส : ยังไม่เคยมีบริษัทไหนผลิตออกมา จึงเป็นทางเลือใหม่สำหรับผู้บริโภค และใช้ง่าย
  • คุกคาม : เมื่อออกมาใหม่ย่อมเป็นทีสนใจของบริษัทคู่แข่ง และเกิการลอกเลียนแบบ

3. วัตถุประสงค์ (Objective)
- เพื่อสื่อให้ผู้รับสารทราบว่าหากต้องการเลิกบุหรี่ ให้เลือกเคี้ยวหมากฝรั่ง Nicominld-2 แล้วการสูบบุหรี่จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ จะเลิกสูบบุหรี่ได้ที
4. กลุ่มเป้าหมายหลัก (Main Target)
- กลุ่มคนที่กำลังมองหาวิธีการเลิกสูบบุหรี่
5. แนวความคิด (Concept)
- สูบบุหรี่เป็นเรื่องยากเมื่อใช้ Nicominld-2
6. เหตุผลสนับสนุนแนวคิด (Support)
- เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่ง Nicominld-2 จะทำให้คุณสามารถเลิกบุหรี่ได้ เพราะมันถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้บริโภคเลิกบุหรี่ได้
7. อารมณ์และความรู้สึก (Mood & Tone)
1. ยาก 2. ลำบาก 3. เหนี่ยวหนึบ
8. ผลตอบสนอง (Desired response)
- สื่อความได้ชัดเจน ผู้พบเห็นเข้าใจง่าย ตรงความต้องการผู้ผลิต

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

"แนวโน้มการนำเสนองานนิเทศศาสตร์"

การสื่อสาร คือกระบวนการสำหรับแลกเปลี่ยนสาร รูปแบบอย่างง่ายของสาร คือ จะต้องส่งจากผู้ส่งสารหรืออุปกรณ์เข้ารหัส ไปยังผู้รับสารหรืออุปกรณ์ถอดรหัส

แนวโน้มการนำเสนองานนิเทศศาสตร์ในอนาคตดิฉันคิดว่า จะเป็นการพัฒนาการนำเสนอผลงานที่มีการสื่อสารออกมาให้ง่ายและชัดเจนต่อความเข้าใจของผู้รับสาร อีกทั้งยังสามารถนำเสนอผลงานสื่อสารกันได้ทั่วโลกโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆก็สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และสามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละมากๆ สื่อใหม่ที่เกิดขึ้นก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้รับสาร จากจำนวนผู้ใช้เครื่อข่ายสังคมออนไลน์เช่น เฟชบุ๊ค (facebook) ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสื่อสารโต้ตอบกันได้ในทันทีเป็นกลุ่มใหญ่ที่สมาชิกทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสื่อสารในฐานะเป็นผู้ส่งสารได้ จนเกิดเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ใช้เฟสบุ๊คนัดรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องทางการเมือง คนรุ่นใหม่จะใช้สื่อใหม่แทนสื่อกระแสหลัก ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ สื่อใหม่ที่เกิดขึ้นอาจมีผลต่อการสร้างการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ และในวันนี้ดิฉันขอยกตัวอย่างการสื่อสารที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนไปสู่อนาคต ซึ่งเริ่มมีออกมาเผยแพร่ข้อมูลกันบ้างแล้วนั่นคือ เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย 4G แต่ในประเทศไทยของเรานั่นยังไม่สามารถใช้ระบบนี้ได้เช่นเดียวกับหลายๆประเทศทั่วโลก
Alwin Toffler นักอนาคตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า “อนาคตมักจะมาเร็วเสมอ” การสื่อสารไร้สายก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยขณะที่ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กำลังขยายไปทั่วโลก แต่ก็ยังช้ากว่าแผนที่วางไว้ประมาณสองปี และขณะนี้กลุ่มของเทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่ใหม่ ที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ 4G
สิ่งที่น่าสนใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยี 4G ก็เป็นผลมาจากจุดอ่อนของระบบ 3G นั่นเอง โดยที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกได้ลงทุนเป็นจำนวนเงินสูงถึงหนึ่ง แสนล้านดอลล่าร์ เพื่อซื้อใบอนุญาตใช้สิทธิในการประกอบการโทรคมนาคมเครือข่าย 3G เพียงเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่สามารถสื่อสารแบบมัลติมีเดียแบบเคลื่อนที่ได้ แต่การนำมาใช้จริงกลับกลายเป็นทำได้ยากกว่าที่คาดไว้ และยังมีการลงทุนทางด้านเครือข่ายและการบำรุงรักษาเครือข่ายที่สูง จึงสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ประกอบกิจการที่กำลังจะพัฒนาระบบจาก 2.5G สู่ 3G

4G (สี่จี หรือ โฟร์จี) กล่าวถึงมาตรฐานโทรศัพท์มือถือที่เป็นรุ่นมาตรฐานที่ต่อจาก 3G และ 2G โดยความหมายของคำว่า 4G นั้นมีการกล่าวถึงในหลายความหมาย โดยความหมายที่นิยมในปัจจุบันจะอ้างอิงถึง IMT Advanced ที่กำหนดโดยไอทียู ที่มีข้อกำหนดว่า อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลต้องมีค่าข้อมูลสูงสุดที่ 100 Mbit/s ในช่วง high mobility และ 1 Gbit/s ในช่วง low mobility
ในปัจจุบัน เทคโนโลยี LTE มักจะถูกเรียกแทน "4G" (หรือบางครั้ง "3.9G") แม้กระนั้นมาตรฐาน LTE ในปี 2552 ยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของทาง "IMT-Advanced" ซึ่งทางไอทียูได้มีการแนะนำ LTE Advanced สำหรับเรียกแทน 4G ที่แท้จริง
ในขณะเดียวกันได้มีการพัฒนา IEEE 802.16m WiMax สำหรับพัฒนาเป็น 4G เช่นกัน

การพัฒนา
ในสวีเดนและนอร์เวย์ ได้มีการเปิดตัว 4G โดยใช้เทคโนโลยี LTE
ในอเมริกา สปรินต์ได้เรียกระบบโทรศัพท์มือถือที่ใช้ WiMax ว่า 4G โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 10 Mbit/s
ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ TeliaSonera จากสวีเดน ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ 4 หรือ 4G ที่ใช้เทคโนโลยี LTE แล้ว โดยเริ่มจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
บริษัทได้กล่าวว่า จะเริ่มให้ลูกค้าได้ใช้เครือข่ายนำร่องนี้ในไตรมาสแรกของปี 2010

โดยสรุปแล้ว แรงจูงใจในการพัฒนาเทคโนโลยี 4G มีดังนี้ คือ
• ความสามารถในการทำงานของ 3G อาจจะไม่เพียงพอที่จะสนองตอบความต้องการของแอพพลิเคชั่นสูง ๆ อย่างเช่น มัลติมีเดีย, วิดีโอแบบภาพเคลื่อนไหวที่เต็มรูปแบบ (Full-motion video) หรือการประชุมทางโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless teleconferencing) ทำให้เกิดความต้องการเทคโนโลยีเครือข่ายที่จะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ 3G โดยจะต้องเป็นเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่มากด้วย
• มาตรฐานที่ซับซ้อนของ 3G ทำให้ยากในการเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย แต่เราต้องการใช้งานแบบเคลื่อนที่และพกพาไปได้ทั่วโลก
• นักวิจัยต้องการให้รูปแบบการส่งคลื่นทางเทคนิคมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการส่งข้อมูลที่เร็วกว่า 10 Mbps ซึ่งไม่สามารถทำได้ในโครงสร้างของ 3G
• ระบบ 4G เป็นระบบเครือข่ายแบบ IP digital packet ทำให้สามารถส่ง Voice และ Data ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยราคาการให้บริการที่ถูกมาก และมีรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

การพัฒนาระบบโทรศัพท์ เคลื่อนที่ยุค 4G ได้มีการพัฒนาโดยเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยการนำไบโอแมทริกซ์มาผสมผสาน ทำให้สามารถซื้อขายกันได้โดยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือ Mobile Internet และยังสามารถหักบัญชีเงินในธนาคาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าหรือบริการได้ทันที ระบบไบโอแมทริกซ์ จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในธุรกิจในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะเห็นอย่างชัดเจนในยุคโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G นั่นคือในธุรกิจ Mobile Commerce นั่นเอง

ซอฟแวร์ที่เกี่ยวกับสื่อ มัลติมีเดีย นับเป็นกลุ่มซอฟแวร์ที่จะถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบ 4G โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลถูกพัฒนาให้สูงกว่า 100 เมกะบิตต่อวินาที ตัวอย่างเช่น คุณ อาจดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอมาไว้ในรถยนต์ ก่อนออกเดินทางไกล เพื่อว่าจะได้มีหนังดีๆ รวมทั้งข้อมูลการท่องเที่ยวไว้ดูบ้างในระหว่างเดินทาง นั่นคือธุรกิจ Software house และ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้าง Content ในระดับ SME ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ก็จะมีโอกาสในธุรกิจสื่อมัลติมีเดียบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เป็นอย่างมาก

ลองนึกภาพ การที่คุณสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อซื้อน้ำอัดลมจากตู้ขายอัตโนมัติ ใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวกันสั่งซื้ออัลบั้มเพลงล่าสุดและดาวน์โหลดลงเครื่อง เล่น MP3ได้โดยตรงหรือการที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้คอมพิวเตอร์พกพาเพื่อหาจองโรงแรมที่ใกล้ที่สุด และราคาเหมาะสมที่สุดขณะที่นั่งรถแท็กซี่

โทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 4G จะมีความสามารถและสมรรถนะสูงมาก ในระดับที่สามารถชมภาพวิดีโอกันแบบสดๆได้ พร้อมคุณภาพระดับ DVD ตามการเปิดเผยของซัมซุงฯ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ ทางซัมซุงฯได้เพิ่มบุคลากรในแผนกอาร์แอนด์ดี ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ 4G แล้ว

มีการคาดหวังถึงความสะดวกสบายและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับเมื่อบริการ M-Commerce บนระบบ 4G จะเป็นที่ยอมรับและแพร่หลาย ทำให้เกิดแนวคิดมากมายในการทำ M-Commerce เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด เช่นแนวคิดเกี่ยวกับการกระจายข้อมูลออกไปในระยะใกล้ โดยมีเป้าหมายคือผู้บริโภคที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเดินผ่านร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คุณอาจจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ ๆ ที่มีจำหน่ายในร้าน และคุณก็สามารถที่จะตรวจสอบราคาสินค้า เปรียบเทียบราคากับร้านอื่นๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุด หรือเมื่อคุณนั่งรถไฟฟ้าผ่านสถานที่ท่องเที่ยว โทรศัพท์เคลื่อนที่4G ของคุณก็จะได้รับแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ของบริเวณนั้นบนจอของคุณ อีกทั้งข้อความโฆษณาของโรงแรมหรือที่พักที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว นั้น ๆ เป็นต้น

ขณะนี้ ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี จับมือกันแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี หวังสร้างมาตรฐานร่วม 4G แห่งเอเชีย โดย ชูคุณสมบัติเด่น รับส่งข้อมูล 100 เมกะบิตต่อวินาที พร้อมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยอาศัยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล เวอร์ชั่น 6 หรือ “ไอพีวี6” (IPv 6) ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้พัฒนาขี้นเป็นรายแรก และมีแผนที่จะผลักดันให้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลก

จะเห็นได้ว่าตอนนี้เหล่า ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และนักพัฒนาเริ่มตื่นตัวกับเทคโนโลยีใหม่กันแล้ว และดูเหมือนการแข่งขันที่เกิดขึ้นจะรุนแรงกว่า 3G มาก จนทำให้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอีกแล้ว แต่น่าจะเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวแบบก้าวกระโดด จนธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอาจปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง